วันพุธที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เรื่องแมวๆ

        จะกล่าวถึงประวัติศาตร์อันยาวนานย้อนหลังไปเมื่อ 4,000 ปีก่อนโน้น ในยุคอียิปต์โบราณ แมวได้ถือเป็นสัตว์เทพเจ้า เนื่องมาจาก พวกชาวนาได้นำแมวมาฝึกให้จับหนูในนา เมื่อหนูหมดไปทำให้พืชผลไม่เสียหาย และโรคภัยที่เกิดจากหนูก็ไม่เกิดขึ้นอีก

        "เฟลิส คาตัส" ( Felis Catus) คือชื่อของเรียกทั่วไปของแมวในภาษาลาติน  แมวเป็นสัตว์เก่าแก่ดึกดำบรรพ์ แมวมีอยู่ในทุกทวีป รูปร่างลักษณะและโครงสร้างคล้ายคลึงกัน แต่ขนาดอาจผิดกันและความยาวของขนต่างกัน ชาวตะวันตกเชื่อกันว่าแมวนั้นเดิมเป็นสัตว์ในแอฟริกา ชาวอียิปต์นำมาเลี้ยงไว้ในบ้านจนกระจายไปทุกหนทุกแห่งทั่วโลก 

        แมวพันธุ์แรก คือ อบิสซีเนียขายาว หน้าแหลมยาว ต่อมาจึงมีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างลักษณะออกไปต่างๆ นานาตามหลักทางชีววิทยา แต่ที่ยังคงลักษณะรูปเดิม คือมีรูปร่างเพรียว หน้าแหลม ตาคม สัญนิฐานกันว่าเหลือเพียง สามพันธุ์ในโลก คือ แมวอบิสซิเนียน แมวอียิปต์ และแมวไทย แมวทั้งสามพันธุ์นี้หน้าตา ไม่แตกต่างกันมากนัก สองชนิดแรกสัญนิฐานว่าอาจสูญพันธุ์ไปแล้ว คงเหลือแต่ "แมวไทย" ที่นับเป็นพันธุ์เก่าแก่ัที่สุดในโลกอยู่พันธุ์เดียว บรรพบุรุษของแมวไทยน่าจะเป็นแมวอียิป์ เพราะมีรูปร่างหน้าตาที่คล้ายกันมาก โดยที่ทางอียิปต์เรียกแมวว่า "เมียว" มีข้อสันนิษฐาน การมาของแมวมายังแถบตะวันออกว่าว่า ในการเดินเรือการค้าสมัยโบราณจากอียิปต์มายังแถบ ตะวันออก อาจจะมีกะลาสีเอาแมวใส่ไว้ในเรือเพื่อจับหนู แมวอียิปต์จึงมาเผยแพร่ถึงทางตะวันออก ก็เป็นได้ 

        เมื่อปี พ.ศ. 2427 นายโอเวน กูลด์ กงสุลอังกฤษประจำกรุงเทพฯ ได้นำแมวไทยคู่หนึ่งจากประเทศไทยไปฝากน้องสาวที่อังกฤษ 1 ปีต่อมาแมวคู่นั้นได้เข้าประกวดที่คริสตัลพาเลซ และได้รับรางวัลชนะเลิศ ทำให้ชาวอังกฤษพากันเลี้ยงแมวไทย และก่อตั้งสโมสร The Siamese Cat Clubs ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2433 และต่อมา ได้มีการตั้งสมาคมแมวไทยแห่งจักรวรรดิอังกฤษขึ้นในปี พ.ศ. 2471

        หลังจากที่แมวไทยได้ทำชื่อเสียง ในอังกฤษ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(ร.5) ทรงเห็นว่าแมวไทยเป็นสัญลักษณ์ ที่จะสามารถทำชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทยได้ จึงพระราชทานแมวไทยให้กับประเทศเพื่อนบ้าน ในหลายๆประเทศ จนทำให้แมวไทย และประเทศไทยมีชื่อเสียงไปทั่วโลก




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น